ใครรวยจากหวยบ้าง?
คนเล่น? คนขาย? รัฐบาล?
เป้าหมายของการขายหวย
เป้าหมายหลักในการก่อตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ก็คือการหารายได้ให้รัฐผ่านการขายสลาก
จากประวัติจะพบว่า หวยรัฐบาลไทยมีมานานกว่า 150 ปี โดยแต่ก่อนรัฐออกหวยเป็นครั้งคราว
หวยครั้งแรกออกมาในปี 2417 โดยได้อิทธิพลจากทางยุโรป ออกเป็นลักษณะกู้เงินจากประชาชนพร้อมการลุ้นรางวัล
แต่หลังจากนั้นปรับเป็นการ ‘เชิญชวนให้ลุ้นโชค’ เป็นครั้งๆ เพื่อหาเงินเข้าโครงการต่าง ๆ เช่น ซื้อปืนให้เสือป่าอาสาสมัคร การศึกษาและการพยาบาล โดยมีกรมสรรพากรและกระทรวงการคลังดูแล
จนกระทั่งปี 2482 มีการก่อตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ เพื่อดูแลการจัดจำหน่ายหวยโดยเฉพาะ ปัจจุบันมีการพิมพ์จำหน่ายสลากกินแบ่งกว่า 2,400 ล้านฉบับต่อปี
ในอีกมุมมอง หวยคือตัวสร้างโอกาส
สร้างโอกาสที่จะถูกรางวัลแก่คนที่ซื้อ
สร้างอาชีพให้แก่ทั้งตัวกลางขายหวย
มาดูกันว่าใครรวยจากหวยบ้าง?
รายได้จากการขายสลากใบละ 80 บาท ถูกแบ่งออกเป็น
– เงินรางวัล 48 บาท (60%)
– นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน 18.4 บาท (23%)
– ส่วนลดให้ผู้แทนจำหน่าย 9.6 บาท (12%)
– บริหารจัดการ 4 บาท (5%)
เงินรางวัล 48 บาท (60%)
สัดส่วนใหญ่ที่สุดที่ถูกกันไว้ให้ผู้โชคดี
แต่ถึงจะเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด
โอกาสถูกรางวัลที่หนึ่งจากสลากกินแบ่งรัฐบาลก็มีแค่ 0.0001% เท่านั้น
ด้วยความที่โอกาสถูกมีน้อยมาก หวยใต้ดินที่รับแทงหลากหลายรูปแบบจึงมีโอกาสถูกมากกว่า ทางสำนักงานสลากฯ จึงปรับเปลี่ยนมาเพิ่มรางวัลเลขท้าย 2 และ 3 ตัวเมื่อปี 2549 เพื่อรับมือปัญหาหวยใต้ดินและปัญหาขายสลากเกินราคา
ซึ่งผ่านมาเกือบ 20 ปี ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าวิธีนี้ไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก เพราะข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันในปี 2562 ระบุว่าวงเงินการพนันในไทยสะพัด 6 แสนล้านบาท แบ่งเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล 24.8% และหวยใต้ดิน 25.2%
และการขายสลากเกินราคาก็ยังมีให้เห็นทั่วไป เพราะปัญหาอยู่ที่การกระจายสลากขาดความโปร่งใสและไมเป็นธรรมกับพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย
นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน 18.4 บาท (23%)
ยอดเงินนำส่งรายได้แผ่นดินของสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ย้อนหลัง
ปี 2555 นำส่ง 14,642.17 ล้านบาท
ปี 2560 นำส่ง 30,947.72 ล้านบาท
ปี 2565 นำส่ง 53,736.21 ล้านบาท คิดเป็น 4% ของรายได้รัฐทั้งหมดในปี 2565
จากสถิติจะเห็นว่า สำนักงานสลากกินแบ่งฯ มียอดเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสูงขึ้นเท่าตัวทุก 5 ปี ติดอันดับ 1 รัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้แผ่นดินในหลายไตรมาส
ส่วนลดให้ผู้แทนจำหน่าย 9.6 บาท (12%)
ส่วนลดนี้ มีไว้เพื่อให้ผู้แทนจำหน่ายสลากได้กำไรในการนำสลากไปขายต่อ
โดยขายผ่าน 2 ระบบคือตัวแทนจำหน่าย 31 ล้านฉบับ/งวด และระบบซื้อ-จองล่วงหน้าไม่เกิน 69 ล้านฉบับ/งวด
ซึ่งคนขายหวยรายย่อยจะได้โควตาคนละ 500 ฉบับ โดยสำนักงานฯ ไม่รับคืน ถ้าขายไม่หมดพ่อค้าแม่ค้าต้องเก็บไว้ลุ้นรางวัลเอาเอง
ราคาทุนสลากต่อใบอยู่ที่ 70.40 บาท เพื่อขายราคา 80 บาท
ได้กำไรฉบับละ 9.60 บาท
ก็แปลว่าในแต่ละงวด รายย่อยจะต้องลงทุน 35,200 บาท
และต้องขายในราคาใบละ 80 บาทให้ได้ 440 ใบถึงจะได้ต้นทุนคืน
ถ้าขายหมด ก็จะได้กำไร 4,800 บาทต่องวด ได้กำไรราวๆ 12-13% จากต้นทุนเท่านั้น ไม่รวมต้นทุนค่าเช่าแผง/ตระเวนขาย และความเสี่ยงในการขาดทุนจากสลากที่ขายไม่หมด
แต่ในความเป็นจริง สลากกินแบ่งฯ ถูกแบ่งโควตาให้รายใหญ่ ส่งต่อพ่อค้าคนกลาง แล้วส่งต่อให้ผู้ขายรายย่อย
ทำให้คนที่แบกรับความเสี่ยงจริงๆ คนผู้ขายรายย่อย ที่ต้องขายราคาสูงผิดกฎหมาย เพราะกว่าจะมาถึงมือก็บวกไปเยอะแล้ว และยังต้องเป็นคนรับความเสี่ยงขายไม่หมดด้วย
ดังนั้นตัวกลางที่ได้โควตา เลยเป็นคนที่กุมรายได้ส่วนใหญ่จากส่วนต่างราคาหวย
บริหารจัดการ 4 บาท (5%)
ค่าการบริหารจัดการของสำนักงานฯ และองค์กรย่อยในระดับสมาคม/จังหวัด
——
จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นได้ว่า รายได้และกำไรส่วนใหญ่ของการขายหวย นอกจากจะเป็นเงินรางวัลแล้ว ก็จะอยู่ที่รัฐบาลตามเป้าหมายของการตั้งสำนักงานสลากกินแบ่ง
และ ‘ตัวกลาง’ ตัวแทนจำหน่าย ที่ยังมีการนำไปส่งต่อเป็นทอด ๆ ทำให้ไม่สามารถระบุตัวเลขรายได้ของคนกลุ่มนี้ได้ง่ายนัก
ที่มา:
– รายงานประจำปี 2565 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
– ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน (CGS)