ธุรกิจ SMEs ไทย มี 3 ล้านราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 8.3 ล้านล้านบาท
ธุรกิจ SMEs เกาหลีใต้ มี 7.8 ล้านราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 70 ล้านล้านบาท
.
แม้เกาหลีใต้จะมีธุรกิจมากกว่าไทย 2 เท่า แต่กลับมีมูลค่าเศรษฐกิจสูงกว่าถึงเกือบ 10 เท่า
แล้วคนเกาหลีใต้ทำได้อย่างไร แล้วคนไทยนิยมทำธุรกิจอะไร #AGENDA สรุปมาให้แล้ว
.
ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ระบุว่าในปี 2565 จำนวนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วประเทศไทย มีจำนวน 3.1 ล้านราย คิดเป็น GDP ที่มีมูลค่าสูงถึง 6 ล้านล้านบาท
.
จังหวัดที่มีจำนวนธุรกิจ SMEs มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่
.
– กรุงเทพมหานคร มีผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs มากถึง 521,492 ราย มีมูลค่า 3.2 ล้านล้านบาท
– ชลบุรี มีผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs 113,212 ราย มีมูลค่า 4.6 แสนล้านบาท
– เชียงใหม่ มีผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs 109,488 ราย มีมูลค่า 1.4 แสนล้านบาท
.
สำหรับจังหวัดที่มีผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs น้อยที่สุด ได้แก่ สมุทรสงคราม ที่มีผู้ประกอบการธุรกิจเพียงแค่ 7,607 รายเท่านั้น สร้างมูลค่าเศรษฐกิจอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้าน
.
คนไทยนิยมทำธุรกิจอะไรกัน
.
ประเภทของ SMEs ที่มีจำนวนมากที่สุด 3 ลำดับแรกของประเทศ คือ
1.ร้านขายของชำ ที่มีจำนวนผู้ประกอบการทั้งสิ้น 4.1 แสนราย คิดเป็น 12% ของ SMEs ทั้งหมด
2. ธุรกิจร้านอาหาร จำนวน 3.2 แสนราย คิดเป็น 10.7% ของ SMEs ทั้งหมด
3. ธุรกิจการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ที่มีจำนวนผู้ประกอบการอยู่ที่ 1.1 แสนราย คิดเป็น 3.7% ของ SMEs ทั้งหมด
.
ปัจจัยที่ทำให้ SMEs เหล่านี้ครองสัดส่วนส่วนใหญ่ในประเทศ?
.
– ธุรกิจร้านขายของชำ
ความเข้าถึงง่ายและการกระจายตัวของธุรกิจร้านขายของชำ รวมทั้งราคาและสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกคน ทุกกำลังซื้อ เมื่อรวมกับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของร้านกับลูกค้าในชุมชน ทำให้ธุรกิจนี้ยังคงเป็นธุรกิจที่เติบโตอยู่เรื่อย ๆ แม้จะมีการเข้ามาของธุรกิจร้านสะดวกซื้อก็ตาม
.
– ธุรกิจร้านอาหาร
ไม่ว่าจะประสบปัญหาในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นหรือขาลง ธุรกิจร้านอาหารก็ยังคงเติบโตได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าอาหารเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน และอีกส่วนหนึ่งอาจเพราะลักษณะสังคมที่ผู้คนเร่งรีบทำให้ธุรกิจร้านอาหารกลายเป็นที่พึ่งต่อหลาย ๆ ครอบครัวไปอย่างเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง
.
– ธุรกิจการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย
“การเช่า” กลายเป็นสิ่งหนึ่งที่คนรุ่นใหม่มองหากันมากขึ้น เพราะความยืดหยุ่นและราคาที่ไม่สูงเท่ากับการซื้อ นอกจากนี้ยังเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้คนไม่กล้าตัดสินใจที่จะลงทุนครั้งละมาก ๆ ในทีเดียว ทำให้ “ธุรกิจการเช่าอสังหาริมทรัพย์” จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ครองสัดส่วนส่วนใหญ่ในประเทศ
.
แต่จำนวน SMEs ในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นนี้ แสดงให้เห็นว่ายังคงเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีการกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง อย่างเมืองหลวง หรือเมืองท่องเที่ยว เป็นหลัก
.
อาจเป็นเพราะจังหวัดเหล่านั้นมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค การคมนาคมและขนส่ง ที่มากกว่าทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่ไปกระจุกตัวตามจังหวัดเหล่านั้น เพื่อผลประโยชน์ที่มากกว่า ทำให้เมืองหลักอาจมีจำนวนธุรกิจ SMEs ที่มากกว่านั่นเอง
.
ธุรกิจ SMEs ของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ?
.
เมื่อเทียบกับภาพรวมการเติบโตของ SMEs ในต่างประเทศที่มีศักยภาพสูสีกับประเทศไทยแล้ว ‘เกาหลีใต้’ ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ธุรกิจ SMEs เติบโตและเฟื่องฟูมากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย ด้วยจำนวน SMEs ที่มีจำนวนสูงถึง 7.8 ล้านราย หรือมากกว่าไทย 2 เท่า
.
โดยประเภทของ SMEs ในเกาหลีใต้ที่มีจำนวนมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ธุรกิจค้าส่ง-ปลีก ที่มีจำนวน SMEs สูงถึง 1.7 ล้านราย รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1.2 ล้านราย และ ธุรกิจโรงแรมที่พักและร้านอาหาร ตามลำดับ
.
นอกจากนี้ ที่ตั้งของธุรกิจ SMEs ในเกาหลีใต้ ไม่ได้ตั้งอยู่ในเมืองหลวงหรือศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศอย่าง ‘กรุงโซล’ อย่างเดียว โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเมือง ‘คยองกี’ ที่มี SMEs ตั้งอยู่เป็นจำนวนสูงถึง 1.8 ล้านราย มากกว่ากรุงเทพฯ ถึง 3 เท่า
.
แสดงให้เห็นถึงการกระจายตัวของธุรกิจ SMEs ที่มีการส่งเสริมให้เกิดการสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทาง โดยนำเอาจุดเด่นของท้องถิ่นที่มีอยู่ เช่น หมู่บ้านพื้นเมือง สวนพฤกษ์ศาสตร์ สวนสนุก หรือแม้แต่เขตปลอดทหาร DMZ ที่มีการจัดทัวร์ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมได้แบบใกล้ชิด เป็นต้น
.
รวมไปถึง SMEs ในเมืองคยองกี ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีใต้ ในการดำเนินธุรกิจ SMEs ผ่านนโยบายต่างๆ เช่น สนับสนุนเงินทุนให้ SMEs ที่มีศักยภาพรายละ 5 ล้านบาท สนับสนุนการตลาดออนไลน์ในต่างประเทศ รวมถึงมีหน่วยงานของรัฐที่ให้คำปรึกษาแก่ SMEs โดยรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจและเทคโนโลยีมากกว่า 185 คน เป็นต้น
.
ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ ร่วมกับภาคธุรกิจ SMEs ที่มีการพัฒนาอย่างเข้มข้น ก่อให้เกิดการสร้างรายได้มหาศาล ทั้งจากการท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่เกาหลีใต้ในปี 2020 สูงถึง 70 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว
.
จากข้อมูลนี้ สะท้อนมุมมองกลับไปยัง SMEs ของประเทศไทย ที่ต้องการการส่งเสริมให้เกิดการสร้างรายได้ในรูปแบบใหม่ ที่ยกระดับธุรกิจ SMEs ในประเทศ จากรายได้ต่ำไปสู่การสร้างมูลค่าในระดับที่สูงขึ้น และมีทางเลือกในการทำธุรกิจ SMEs ที่ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีใหม่มากขึ้น และทำให้ SMEs ในประเทศไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาวต่อไป
.
Sources : สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), Brandbuffet, Krungsri bank, prop2morrow