Home Lifestyle คุณแม่วัยใสในแต่ละจังหวัดมากแค่ไหน?

คุณแม่วัยใสในแต่ละจังหวัดมากแค่ไหน?

0

วนกลับมาอีกครั้งกับเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2022 แต่ทุกคนรู้ไหมว่า

“เทศกาลลอยกระทง” ถูกจัดให้เป็นเทศกาลที่ วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์กันครั้งแรก มากที่สุด

เรียกได้ว่ามาแรงกว่าเทศกาลวาเลนไทน์ ที่เป็นเทศกาลแห่งความรักเสียอีก

.

แต่เมื่อระดับการมีเพศสัมพันธ์เยอะแล้ว สิ่งหนึ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น นั่นเอง วันนี้ #Agenda เลยจะพาทุกคนไปดูจำนวนคุณแม่วัยใส หรือวัยรุ่นหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุ 10-19 ปี ในแต่ละจังหวัดกัน 

.

โดยจังหวัดที่มีสัดส่วนคุณแม่วัยใสมากที่สุด 3 จังหวัดแรก ได้แก่

– จังหวัดนครนายกมีสัดส่วนคุณแม่วัยใส 26 คน ต่อจำนวนผู้หญิงที่มีอายุ 10-19 ปี 1,000 คน

– จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีสัดส่วนคุณแม่วัยใส 25 คน ต่อจำนวนผู้หญิงที่มีอายุ 10-19 ปี 1,000 คน

– จังหวัดตากมีสัดส่วนคุณแม่วัยใส 23 คน ต่อจำนวนผู้หญิงที่มีอายุ 10-19 ปี 1,000 คน

.

จังหวัดที่มีสัดส่วนคุณแม่วัยใสน้อยที่สุดได้แก่ จังหวัดลำปาง ที่มีสัดส่วนคุณแม่วัยใส 8 คน ต่อจำนวนผู้หญิงที่มีอายุ 10-19 ปี 1,000 คน และในส่วนของกรุงเทพฯ นั้นมีสัดส่วนคุณแม่วัยใสอยู่ที่ 13 คน ต่อจำนวนผู้หญิงที่มีอายุ 10-19 ปี 1,000 คน 

.

ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น นั้นเกิดจากหลากหลายปัญหารวมเข้าด้วยกัน โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ประเด็นได้ดังนี้

.

– ประเด็นแรกคือปัญหาทางด้านการศึกษา คือ การขาดการให้ความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวกับเพศศึกษาอย่างถูกต้องและเข้าใจง่าย ทำให้วัยรุ่นขาดความรู้ความเข้าใจในการคุมกำเนิด เช่น การเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องของการหลั่งภายนอกหรือการขาดความเข้าใจในการใช้ยาคุมกำเนิด ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นมากที่สุดเลยก็ว่าได้

.

โดยมีการศึกษาพบว่า ความรู้ในการคุมกำเนิดมีความสัมพันธ์กับทัศนคติในการคุมกำเนิดเป็นอย่างมาก กล่าวคือ ยิ่งวัยรุ่นมีความรู้ในการคุมกำเนิดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเห็นด้วยกับการคุมกำเนิดมากขึ้นเท่านั้น

.

– ประเด็นต่อมาคือปัญหาเรื่องการเข้าถึงการคุมกำเนิด โดยพบว่าการเข้าถึงการคุมกำเนิดทั้ง การฝังยาคุม ถุงยางอนามัย หรือยาคุมฉุกเฉิน นั้น เป็นไปได้ยากในบางพื้นที่และยังมีราคาที่สูงจนทำให้วัยรุ่นบางคนเลือกที่จะไม่ทำการคุมกำเนิดแทน นอกจากนี้ยังมีความกลัวต่อมุมมองของบุคคลรอบข้างที่มีต่อตนเองอีกด้วย ทำให้บางครั้งเหล่าวัยรุ่นไม่กล้าที่จะทำการซื้อหรือเลือกใช้สิ่งของเหล่านี้อีกด้วย

.

อีกทั้งแม้จะเข้าถึงได้ เหล่าวัยรุ่นก็ยังคงต้องประสบปัญหาในการใช้การคุมกำเนิดอย่างถูกต้องอยู่ดี อันมีสาเหตุมาจากปัญหาทางด้านการศึกษาตามที่ได้กล่าวไปแล้วในส่วนก่อนหน้า แถมในบางรายยังมีผลข้างเคียงที่รุนแรงจนทำให้ตัดสินใจเลิกใช้การคุมกำเนิดอีกด้วย

.

นอกจากนี้ กฎหมายและนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการจัดหายาคุมกำเนิดตามอายุยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าถึงบริการการรับยาคุมกำเนิดในวัยรุ่นเป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อรวมกับอคติของผู้ปฏิบัติงานทางด้านสุขภาพที่ขาดความเต็มใจในการดูแลและให้ความรู้เหล่าวัยรุ่นแล้ว ยิ่งทำให้การเข้าถึงเป็นไปได้ยากมากขึ้นไปอีก

.

– ประเด็นสุดท้ายคือปัญหาทางด้านสภาพแวดล้อม หากเหล่าวัยรุ่นอยู่ในสภาพแวดล้อมที่พบเห็นคนมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรกันเป็นเรื่องปกติ วัยรุ่นเหล่านั้นก็มักจะมองสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปจนเกิดการลอกเลียนแบบได้ รวมทั้งในบางรายอาจขาดการพูดคุยสื่อสารในประเด็นเรื่องเพศในครอบครัวจนทำให้วัยรุ่นถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควรได้เช่นกัน

.

เมื่อสาเหตุทางด้านสภาพแวดล้อมมาประกอบกับสาเหตุทางด้านร่างกาย จิตใจ ที่มีความอยากรู้อยากลองของวัยรุ่น และทัศนคติที่มีต่อเพศสัมพันธ์แล้วทำให้การมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นเลย

.

ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น นั้นสร้างผลกระทบเป็นอย่างมาก ทั้งผลกระทบในทางร่างกายและจิตใจของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ไปจนถึงทารกที่อยู่ในครรภ์ที่อาจเกิดมามีน้ำหนักแรกเกิดที่ต่ำกว่ามาตรฐานได้อีกด้วย

.

นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบในเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีการระบุว่าคุณแม่วัยใสที่คลอดบุตรคนแรกนั้นมักไม่มีงานทำและส่วนนึงของกลุ่มคุณแม่วัยใสมีรายได้เฉลี่ยอยู่ในกลุ่มที่มีรายได้ต่ำสุดของประเทศ ทั้งยังมีภาระการใช้จ่าย ๆ ในเรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อมีบุตร ทำให้ไม่สามารถส่งเสียหรือดูแลบุตรของตนเองได้ดีเท่าที่ควรจนทำให้เกิดผลกระทบทางด้านสังคมตามมา

.

ซึ่งผลกระทบทางสังคมนั้นอาจเกิดจาก การที่เหล่าคุณแม่วัยใสไม่สามารถส่งเสียบุตรของตนได้ ทำให้เกิดปัญหาการออกจากการศึกษากลางคัน อันนำมาซึ่งการขาดความรู้ในการประกอบอาชีพไปจนถึงการก่อปัญหาทางสังคมได้เช่นกัน หรืออาจเกิดปัญหาการแยกทางทำให้ทารกมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นเด็กกำพร้าหรือถูกทอดทิ้งได้อีกด้วย

.

ดังนั้นแม้ว่าปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นนั้นจะยังไม่สร้างผลกระทบที่เห็นชัดให้แก่สังคมในปัจจุบัน เราก็ควรจะตระหนักถึงและหาวิธีในการป้องกันปัญหาเหล่านี้ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ใช่รอให้ปัญหาเหล่านี้ใหญ่โตขึ้นมาเสียก่อนค่อยหาทางแก้ไข เพราะแม้จะมีไม่มากแต่ในปัจจุบันประเทศไทยก็มีคุณแม่วัยใสมากถึง 14 คนต่อจำนวนผู้หญิงที่มีอายุ 10-19 ปี 1,000 คน เข้าไปแล้ว

.

* ข้อมูลในภาพเป็นการเก็บรวบรวมจากการคลอดมีชีพของหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุตั้งแต่ 10-19 ปีในแต่ละจังหวัดเท่านั้น ไม่รวมถึงจำนวนหญิงตั้งครรภ์ที่ทำการยุติการตั้งครรภ์หรือเกิดการแท้ง

.

ที่มา: สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์, World Health Organization, Infographic Thailand, วารสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี, วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

Exit mobile version