Home WHATEVERSE ถูกกว่าเติมน้ำมัน ! ส่องราคา และค่าไฟฟ้าแต่ละช่วงราคา

ถูกกว่าเติมน้ำมัน ! ส่องราคา และค่าไฟฟ้าแต่ละช่วงราคา

0

ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เตรียมบอกลาน้ำมันแพง ⛽️👋🏻

เงินเฟ้อ ค่าครองชีพพุ่งสูง รวมไปถึงค่าน้ำมันที่แต่ก่อนเติมเต็มถังก็ไม่ถึงพัน แต่ตอนนี้ทุกคนพร้อมเพรียงกันเอามือก่ายหน้าผากกับราคาที่สูงลิ่วเกินจะรับไหว

ถึงเวลาที่รถไฟฟ้า (หรือ Electric Vehicle: EV) ได้ออกโรง ถือเป็นแสงสว่างใหม่ของทั่วทั้งโลก ทั้งในแง่ของการรักษาสิ่งแวดล้อมและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

ส่วนการชาร์จนั้นไม่ยาก ช่วงกลางคืนตั้งแต่ 22.00 ถึง 9.00 ถือเป็นช่วงที่เหมาะมากที่สุด เป็นเวลาที่พักจากใช้งาน และยังราคาที่ถูกที่สุดอีกด้วย (สำหรับอัตราแตกต่างตามช่วงเวลา Off-peak จะตกหน่วยละ 2.63) ซึ่งเราสามารถคำนวณเองได้ง่าย ๆ เพียงรู้ขนาดของแบตเตอรี่ โดยนำมาคูณกับค่าไฟต่อหน่วย

#Agenda รวบรวมรถไฟฟ้าหลากยี่ห้อ หลายราคา และรายละเอียดทั้งหมด 12 รุ่น มาให้ทุกคนได้เทียบและตัดสินใจไปพร้อมกัน จะไปต่อที่รถยนต์เดิม หรือ เดินหน้าสู่การใช้รถไฟฟ้าอย่างเต็มตัว 

💸 คุ้มค่า คุ้มราคา (น้อยกว่า 1.5 ล้านบาท) 💸

1.MG EP

เริ่มด้วยรุ่นแรกที่คุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้ ตกแต่งด้วยวัสดุผิวสัมผัสนุ่มลายโมเดิร์น รวมถึงมีฟังก์ชั่นเด็ด KERS Mode สามารถชาร์จพลังงานกลับเข้าแบตเตอรี่ได้ขณะชะลอรถ ตั้งค่าได้มากถึง 3 ระดับ 

💳 ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 7.7 แสนบาท

🚩 ระยะทางสูงสุดที่วิ่งได้ 380 กม.

🔋 ค่าไฟต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 132 บาท

2. GWM ORA Good Cat

แค่ขื่อรุ่นก็ได้ใจคนรักแมวไปแล้วเต็ม ๆ แต่ไม่ใช่แค่ชื่อที่น่ารักเท่านั้นทรวดทรงสไตล์ Retro สุดคลาสิก และไฟหน้า LED รูปทรง Cat Eye ก็โดดเด่นไม่เป็นรองรถอีวีรุ่นอื่น 

💳 ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8.2 แสนบาท

🚩 ระยะทางสูงสุดที่วิ่งได้ 400 กม.

🔋 ค่าไฟต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 125 บาท

3. Nissan Leaf

แบรนด์นี้ยืนหนึ่งเรื่องการประหยัดพลังงาน และดีขึ้นไปอีกขั้นเมื่อประสานเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ e-Pedal ในรุ่น Leaf ที่สามารถควบคุมการเร่งความเร็ว รวมถึงการเบรกได้ด้วยคันเร่งเพียงอันเดียว

💳 ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.49 ล้านบาท

🚩 ระยะทางสูงสุดที่วิ่งได้ 311 กม.

🔋 ค่าไฟต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 105 บาท

🚘 แบรนด์ดัง ขับสบาย (1.5 – 3 ล้านบาท) 🚘

4. Hyundai IONIQ

ขยับมาราคาขึ้นมาอีกนิดกับรุ่น IONIQ รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Crossover จากแดนกิมจิ รถยนต์ SUV แบบ 5 ประตู โดดเด่นด้วยไฟหน้ารูปตัว U และฝาหลังสไตล์ก้นหอยประทับด้วยโลโก้ฮุนได ดีไซน์ภายในเป็นจอแบบ Dual Screen และใช้วัสดุรีไซเคิลเป็นหลัก

💳 ราคาเริ่มต้น 1.75 ล้านบาท

🚩 ระยะทางสูงสุดที่วิ่งได้ 280 กม.

🔋 ค่าไฟต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 73 บาท

5. Mini Cooper SE

ความคลาสิกของมินิยังคงยืนหนึ่งในใจใครหลายคน มาใหม่ในรุ่น Cooper SE รุ่นแรกของมินิที่พลิกโฉมมาใช้ไฟฟ้า แต่ยังคงใช้ดีไซน์ทั้งภายในและภายนอกแบบ F56  3 ประตูเอาไว้ มอบความรู้สึกเหมือนกับขับโกคาร์ทเช่นเดิม

💳 ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท

🚩 ระยะทางสูงสุดที่วิ่งได้ 217 กม.

🔋 ค่าไฟต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 85 บาท

6. Volvo C40

มองไกล ๆ ถ้าได้ดีไซน์ชุดไฟหน้าตัว T ตามแบบ Thor Hammer คงเดาได้ไม่ยากว่ามาจากแบรนด์ยานยนต์ชั้นนำอย่าง Volvo คราวนี้มาในรุ่น C40 รถยนต์ SUV ที่เสริมความปราดเปรียวและสปอร์ตด้วยหลังคาสโลพ ทั้งนี้ขับขี่ได้ปลอดภัยแน่นอน การันตีด้วยรางวัล Top Safety Pick+ 

💳 ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท

🚩 ระยะทางสูงสุดที่วิ่งได้ 420 กม.

🔋 ค่าไฟต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 205 บาท

⚡️ สมรรถนะดี มีราคา (3 – 5 ล้านบาท) ⚡️

7. BMW iX3

รถ SUV สไตล์สปอร์ต ขับเคลื่อนล้อหลังของแบรนด์ชั้นนำจากเยอรมันเปิดตัว BMW X3 Series ซึ่งในซีรีส์นี้ รุ่น iX3 Msport เรียกได้ว่าเป็นรุ่นเดียวที่ใช้ไฟฟ้า 100% โดยเฉลี่ยแล้วสามารถใช้งานได้โดยระดับการปล่อย CO2 เป็นศูนย์

💳 ราคาเริ่มต้น 3.45 ล้านบาท

🚩 ระยะทางสูงสุดที่วิ่งได้ 461 กม.

🔋 ค่าไฟต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 224 บาท

8. Lexus UX 300e

ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูแข็งแกร่งแต่โฉบเฉี่ยวของรถยนต์ Crossover สัญชาติญี่ปุ่น แน่นอนว่าภายในเต็มไปด้วยความปราณีตจากการเย็บปักแบบดั้งเดิมแบบ Sashiko 

💳 ราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท

🚩 ระยะทางสูงสุดที่วิ่งได้ 360 กม.

🔋 ค่าไฟต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 142 บาท

9. Tesla Model 3

แบรนด์สัญชาติอเมริกาที่เรียกได้ว่าเป็นผู้นำในวงการ EV ในเวลานี้ ด้วยรถยนต์ที่เน้นในเรื่องพลังงานสะอาดหรือ Zero Emission ทรวดทรงเรียบหรูแต่ราคาจับ ผนวกกับเทคโนโลยีสุดล้ำของเทสล่าทำให้เป็นที่จับตาอย่างมาก ซึ่งข่าวดีก็คือเทสล่าได้เข้ามาจดทะเบียนบริษัทในไทยเป็นที่เรียบร้อย 

💳 ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท

🚩 ระยะทางสูงสุดที่วิ่งได้ 386 กม.

🔋 ค่าไฟต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 215 บาท

💰 ไฟฟ้าหรู ดูทรงพลัง (มากกว่า 5 ล้านบาท) 💰

10. Porsche Taycan

โดยรวมของรุ่นนี้ดูปราดเปรียว เริ่มด้วยด้านหน้ามุมมองกว้าง มาพร้อมหลังคาแบบสปอร์ตสุดเท่ และแนวคิดที่คำนึงถึงความยั่งยืน โดยภายในรถรุ่นนี้เปลี่ยนไปใช้วัสดุรีไซเคิลแทนหนังทั้งหมด 

💳 ราคาเริ่มต้น 6.19 ล้านบาท

🚩 ระยะทางสูงสุดที่วิ่งได้ 512 กม.

🔋 ค่าไฟต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 208 บาท

11. Audi e-tron

ซูเปอร์คาร์เรียบหรูผสมกับสไตล์สปอร์ตที่มากับระบบ Electric Quattro ด้วยคอนเซปต์รถขับเคลื่อน 4 ล้ออัจริยะแบบไฟฟ้า 100% พร้อมชูโรงด้วยการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในโรงงาน Carbon-Neutral 

💳 ราคาเริ่มต้น 6.39 ล้านบาท

🚩 ระยะทางสูงสุดที่วิ่งได้ 411 กม.

🔋 ค่าไฟต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 244 บาท

12. Mercedes-Benz EQS 450+

เปิดตัวครั้งแรกช่วงปลายปี 2564 ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกที่เข้ามาในไทย รุ่น EQS 450+ จัดว่าอยู่ใน S-Class ที่มาพร้อมเทคโนโลยีแบบอัดแน่นจัดเต็ม และที่สำคัญไร้กังวลกับการหาจุดชาร์จระหว่างทาง เพราะสามารถวิ่งได้สูงสุดถึง 770 กม. ถือว่าเหมาะกับการเดินทางไกลมากที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์

💳 ราคาเริ่มต้น 8.57 ล้านบาท

🚩 ระยะทางสูงสุดที่วิ่งได้ 770 กม.

🔋 ค่าไฟต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง 284 บาท

Exit mobile version