Home Social ไม่มีที่ไหนผลักให้เด็กต้องสอบต่อเนื่อง กว่า 30 วิชา ใน 3 สัปดาห์ สำรวจสไตล์การสอบเข้าของแต่ละประเทศ

ไม่มีที่ไหนผลักให้เด็กต้องสอบต่อเนื่อง กว่า 30 วิชา ใน 3 สัปดาห์ สำรวจสไตล์การสอบเข้าของแต่ละประเทศ

ไม่มีที่ไหน ผลักให้เด็กต้องสอบต่อเนื่อง กว่า 30 วิชา ใน 3 สัปดาห์ โดยเฉพาะช่วงที่การเรียนการสอนสะดุดมาตลอดปีเช่นนี้ #AGENDA ชวนสำรวจสไตล์การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของแต่ละประเทศ มาดูกันว่าเด็กไทยที่กำลังต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยรุ่นนี้ หรือ #dek64 กำลังเจอกับอะไร?

0

ไม่มีที่ไหน ผลักให้เด็กต้องสอบต่อเนื่อง กว่า 30 วิชา ใน 3 สัปดาห์

โดยเฉพาะช่วงที่การเรียนการสอนสะดุดมาตลอดปีเช่นนี้

#AGENDA ชวนสำรวจสไตล์การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของแต่ละประเทศ

มาดูกันว่าเด็กไทยที่กำลังต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยรุ่นนี้ หรือ #dek64 กำลังเจอกับอะไร?

แล้วสอบเข้ามหาลัย ประเทศไหนโหดกว่ากัน?


ไทย –

GAT PAT/ระบบ TCAS/O-NET/9 วิชาสามัญ/กสพท.

#dek64 ต้องสอบมาราธอน กว่า 30 วิชา ใน 3 สัปดาห์

ในช่วงเวลานี้ สิ่งที่น่าจับตามองอย่างมากในสังคม

น่าจะเป็นเรื่องที่ว่า เด็ก ๆ ที่กำลังเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือ #dek64 รวมตัวกันฟ้องศาลปกครอง ในวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา 

โดยล่าสุดมีการอัปเดทสถานการณ์ผ่าน Twitter นักเรียนเลว (@badstudent_) ว่า

“Update : ศาลรับหลักฐานจากฝ่ายโจทก์ครบแล้ว เหลือขั้นตอนเรียกตัวแทนจากหน่วยงานจัดสอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 มาไต่สวน ขอนักเรียนทั้งผองร่วมกันส่งเสียงผ่านแฮชแท็กให้ศาลยังคงผดุงความยุติธรรมให้ประชาชนอย่างที่ควรจะเป็น”

เด็กๆ กำลังเจออะไร ทำไมต้องยื่นฟ้อง?

– จัดสอบติด ๆ กันต่อเนื่อง กว่า 30 วิชา ใน 3 สัปดาห์

ในปีนี้ ผู้ที่ต้องการสิทธิ์คัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย

ต้องเจอการทดสอบหลากรูปแบบ ทั้ง GAT PAT-/O-NET/9 วิชาสามัญ/กสพท. 

เพื่อนำคะแนนมายื่นคัดเลือกเข้าระบบกลาง ที่เรียกว่าระบบ TCAS

นอกจากปัญหาที่ดูจะซ้ำเดิมทุกปี อย่างความซับซ้อนและความเสถียรของระบบ

ในปีนี้ ตารางการเปิด-ปิดเทอมของเด็ก ๆ ยังกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้มีการเรียนการสอนได้ไม่เต็มที่ และยังมาซ้อนทับกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยและอีกหลายอีเวนท์

– ทับซ้อนหลายอีเวนท์

การคัดเลือกเด็กเข้ามหาวิทยาลัยในครั้งนี้ทับซ้อนกับการสอบปลายภาคหลายโรงเรียน 

ชนกับวันสอบปลายภาคของเด็กกศน.

คาบเกี่ยวการเลือกตั้งท้องถิ่น

และการเกณฑ์ทหารประจำปีอีกด้วย

– สถานการณ์โรคระบาดล่าสุดก็กำลังน่ากังวล

เนื่องจากมีการพบการระบาดแถวบางแค 

และพบผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วมากกว่า 300 ราย

ทำให้เด็ก ๆ มีความกังวลในการเดินทางไปสอบรวมกันเป็นจำนวนมาก

– อย่างไรก็ตาม ล่าสุดหน่วยงานจัดสอบที่เกี่ยวข้อง ก็ยังยืนยันว่าจะไม่มีการเลื่อนตารางสอบใดใด

การสอบที่ผ่านมา-ปัจจุบัน

– การสอบวัดผลไม่ได้มีประเด็นปัญหาแค่ในปีนี้

แต่ยังผ่านการปรับระบบและวิธีบ่อยครั้ง ทำให้ไม่สามารถเตรียมตัว ปรับตัวให้เข้ากับระบบใหม่ได้ง่ายนัก เพราะปีถัดไปก็อาจมีการปรับระบบครั้งใหญ่อีกก็ได้

– แม้ไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงทั้งด้านการศึกษาและเศรษฐกิจ

แต่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของไทย ดูจะยิ่งตอกย้ำ ‘ยิ่งจ่ายยิ่งมีโอกาส’ 

การกระจายการสอบให้คัดเลือกหลายรอบ สอบหลายวิชา ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายยิบย่อยตามมามากมาย 

วัดผลเยอะ แต่พัฒนาน้อย

– ตั้งระบบวัดผลยิบย่อย กับทั้งฝั่งผู้สอน และฝั่งผู้เรียน

– ระบบการศึกษาล้มเหลวในการ ‘ควบคุมและพัฒนามาตรฐาน’ การเรียนการสอนในสถานศึกษา

สามารถอ่าน สรุปนโยบายและสภาพ #ความล้มเหลวของการศึกษาไทย พร้อมเล่าถึง 3 ประเทศ ที่ขึ้นชื่อว่ามีระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานดีที่สุดในโลก ได้ที่ https://www.agenda.co.th/featured/thai-education-system-failure/


เกาหลีใต้ – ซูนึง (CSAT)

สอบครั้งเดียว ตัดสินชีวิตที่เหลือ

ความเข้มข้น

– 1 ปี สอบ 1 วัน ช่วงเดือนพฤศจิกายน ที่ศูนย์สอบมากกว่าพันแห่งทั่วประเทศ

– สอบทุกวิชาในวันเดียว 8 ชั่วโมง ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น

– ผลสอบนำไปยื่นได้ทั้งม.รัฐและเอกชน

ทั้งประเทศให้ความสำคัญ

แม้จะเป็นการสอบเพียง 1 วัน ของเด็กๆ แต่ภาครัฐก็ให้ความสำคัญ โดยจัดการอำนวยความสะดวกให้ และลดโอกาสที่ผู้เข้าสอบจะถูกรบกวน

– ธนาคารและตลาดหุ้นเปิดช้ากว่าปกติ 1 ชั่วโมง ลดการจราจร

– ตำรวจออกมาประจำจุด คอยรับส่งกรณีนักเรียนมาสาย หลงทาง หรือลืมบัตรเข้าห้องสอบ

– ห้ามเครื่องบินขึ้นลง ในช่วงทดสอบทักษะการฟังภาษาอังกฤษ

– เพิ่มบริการขนส่งสาธารณะ

ผลสอบส่งผลมากต่อชีวิต

ว่ากันว่า ถ้าสอบเข้ามหาวิทยาลัย Top 3 ของประเทศอย่าง SKY ได้ จะการันตีตำแหน่งการงานที่ดี


จีน – เกาเข่า

วันแห่งการสอบถือเป็นวันสำคัญของชาติ

โหดและเข้มข้น

– การสอบเกาเข่า จะจัดสอบเพียงปีละครั้ง 

มียอดผู้เข้าสอบต่อปีสูงมาก ในปีล่าสุด มียอดผู้เข้าสอบถึง 10.7 ล้านคน

– ราวๆ 20-30% เป็นผู้ที่สอบไม่ผ่าน หรือต้องการสอบใหม่

– มีอัตราการแข่งขันอยู่ที่ราว ๆ 1 ต่อ 50,000 คน

วันสอบถูกนับเป็นอีเวนต์ระดับชาติ

– มีการประกาศเป็นวันหยุด

– ห้ามบีบแตรใกล้สนามสอบ

– เพิ่มรถสาธารณะเพื่อให้เดินทางได้สะดวก

– รถตำรวจนำทางรถบัสที่ขนเด็กมาสอบ

โกงหนัก กวดวิชาโต

ปัญหาของการสอบเกาเข่า นอกจากจะเป็นเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในแผ่นดินจีน ที่เด็กชนบท เด็กทุกฐานะ ต้องมาใช้มาตรฐานข้อสอบเดียวกัน แต่เข้าถึงการศึกษาได้ไม่เท่ากันแล้ว ยังมีการโกงเกิดขึ้น เช่น

– จ้างคนมาสอบแทน ลักลอบส่งคำตอบ

– มีการค้นพบว่า เด็กหลายร้อยคนถูกสวมรอยเรียนแทน 

คือเด็กไม่ได้รับจดหมายว่าสอบผ่าน แต่จริงๆ แล้วสอบผ่าน

จนกระทั่งไปพบว่ามีใช้ชื่อของตนเองเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไปแล้ว

การสวมรอยเรียนแทน มีทั้งแบบที่ยินยอมและไม่ยินยอม

ในกรณียินยอม ก็คือเด็กมีฐานะครอบครัวยากจน จึงขายสิทธิ์ในการเข้าเรียนที่สอบได้ให้คนอื่น

ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของจีน 

ยังทำให้เด็กที่สอบเกาเข่าไม่ผ่าน และฐานะทางบ้านไม่ดี ต้องล้มเลิกการสอบในปีหน้าไป แต่มุ่งหน้าหางานทำเพื่อเอาเงินมาจุนเจือครอบครัวที่แร้นแค้นก่อน

การแข่งขันที่สูงและเข้มข้นในการสอบนี้

ยังหนุนให้ตลาดกวดวิชาของจีน มีมูลค่าสูงถึง 3 ล้านล้านบาทอีกด้วย


ญี่ปุ่น – Center Shiken

แข่งทำคะแนน เข้าม.ดัง

การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น ได้รับฉายา ‘นรกแห่งการสอบ’

การสอบเข้ามหาวิทยาลัยสุดโหดนี้ ทุกคนจะต้องสอบ 2 รอบ ใช้เวลา 2 วัน

การสอบรอบแรกของเป็นการสอบส่วนกลาง (National Center Test for University Admissions) 

และการสอบในรอบสอง จะต้องมีเกณฑ์คะแนนส่วนกลางที่สูงพอ เพื่อเข้าสอบเฉพาะของมหา’ลัย และคณะดังๆ

มีผู้เข้าสอบปีละประมาณ 5 แสนคน

การสอบนี้จะต้องเตรียมตัวอย่างหนัก ถ้ามุ่งม.ดัง 

เพราะสัดส่วนของมหาวิทยาลัยรัฐเปิดรับน้อย มีเกณฑ์คะแนนโหด 

ในทุกปีมีเด็กกลับมาสอบใหม่เป็นแสนคน เพื่อเข้ามหาลัยที่หวังให้ได้

ถึงแม้ว่าการเข้ามหาลัยรัฐดี ๆ ได้ ก็เป็นความภูมิใจและการันตีการงานที่ดีได้

แต่สำหรับสังคมญี่ปุ่นที่มีความมั่นคง บริษัทเน้นวัฒนธรรมองค์กรมากกว่าใบปริญญา

ทำให้แม้เด็กที่จบม.ปลายใหม่ ๆ ยังไม่มีปริญญาตรีก็หางานได้ เพราะมีทางเลือกให้ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งการต่อสายอาชีพ หรือเรียนจบทำงานเลยก็ได้เช่นกัน 

เด็กจำนวนมากจึงมีทางเลือกทำงานเลย ไม่จำเป็นต้องต่อมหา’ลัย 

หรือเด็กที่ฐานะทางบ้านไม่ดีนัก การเรียนต่อมหาวิทยาลัยมีค่าใช้จ่ายที่สูง ก็สามารถหางานทำเพื่อเก็บเงินเรียนต่อได้ด้วยตนเอง


ฟินแลนด์ – Matriculation Examination

Less is More สอบน้อย แต่ได้ผลมาก

การปฏิรูปการศึกษาของฟินแลนด์ให้ ‘ไม่มีสอบ’ ‘การบ้านน้อย’ ‘เรียนน้อย’ ยังคงเป็นกรณีศึกษาสุดเซอร์ไพรส์ของหลายประเทศทั่วโลก

เพราะมัน ‘สวนทาง’ กับหลักการวัดผลที่หลายประเทศใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่กลับทำให้ฟินแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก

การเข้ามหาวิทยาลัย ใช้การสอบอย่างเดียวจบ

– มีการสอบเข้ามหา’ลัยอย่างเดียวคือ matriculation examination

– ต้องสอบอย่างน้อย 4 วิชา 

– โดยมีวิชาบังคับ ที่ทุกคนต้องสอบ 1 วิชา และเลือกสอบอีกอย่างน้อย 3 วิชา

การสอบยังจัดแบบเว้นระยะนานถึง 6 เดือน

โดยจัดปีละ 2 ครั้ง ในฤดู spring และ autumn

นักเรียนยังสามารถแบ่งสอบได้ โดยเก็บคะแนนไว้ใช้ต่อได้ 3 ช่วงสอบ

ผลการศึกษาการไม่มีสอบยิบย่อย ไม่ใช้การวัดผลแบบแข่งขันกันของฟินแลนด์ พบว่าทำให้ทั้งครูและนักเรียนสบายใจ เตรียมการสอนได้ตามปกติ และนักเรียนก็สามารถเตรียมสอบเข้ามหา’ลัยได้เต็มที่

นอกจากนี้ อัตราเด็กเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยของฟินแลนด์ ยังสูงกว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มประเทศ OECD เสียด้วย

ที่มา: BBC, YLIOPPILASTUTKINTOLAUTAKUNTA, xinhua, japanistry, prachachat, นักเรียนเลว, thestandard

Exit mobile version